10 เหตุผลที่องค์กรควรหันมาเลือกใช้ Oracle Cloud
ปัจจุบันองค์กรธุรกิจดำเนินอยู่ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน
หลายธุรกิจองค์กรจึงเริ่มมีการนำระบบ Cloud มาใช้ในระบบ IT Infrastructure หลักของธุรกิจองค์กรในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยความสามารถในการปรับขนาดให้เหมาะสมตามความต้องการใช้งาน ช่วยในการวางแผนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน
ซึ่งผู้ให้บริการ Cloud อย่าง Oracle เองก็มีการพัฒนาระบบ Oracle Cloud มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในเชิงของเทคโนโลยี หรือการให้บริการเชิงเทคนิค โดยในบทความนี้เราจะข้อยก10 เหตุผลที่องค์กรควรหันมาเลือกใช้ Oracle Cloud
1. ประสบการณ์ที่เหนือกว่ากับการอัปเดต Oracle 2nd Generation Cloud
Oracle ได้อัปเกรดระบบคลาวด์สู่รุ่นที่ 2 (Oracle 2nd Generation Cloud) เพื่อกำจัดจุดบกพร่องจากระบบคลาวด์รุ่นแรก ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลที่รวดเร็วและแม่นยำ ลดภาระด้านต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย รวมไปถึงปรับปรุงการปรับขนาดให้เหมาะสมกับปริมาณงานขององค์กร เพื่อให้สามารถรองรับระบบการเงินขนาดใหญ่ ปริมาณงานของรัฐบาล หรือแอพพลิเคชั่นที่ใช้ข้อมูลปริมาณมากได้ดียิ่งขึ้น Oracle ยังเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่นำเสนอ IaaS, PaaS และ SaaS เป็นส่วนหนึ่งของระบบคลาวด์รุ่นที่ 2
2. Oracle Cloud สนับสนุนการวางแผนระยะยาวขององค์กรธุรกิจ
โครงสร้างพื้นฐานของ Oracle Cloud ได้สร้างพื้นฐานใหม่ด้วยการใช้ Oracle 2nd Generation Public- Cloud ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะในการทำหน้าที่เป็นเลเยอร์พื้นฐานสำหรับ Oracle Cloud เพื่อให้สามารถคาดการณ์ปริการใช้งานได้อย่างแม่นยำ มีปลอดภัยด้วยระบบความปลอดภัยที่ออกแบบพิเศษ รวมถึงครอบคลุมการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่จำเป็นเพื่อรองรับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยบริการด้านพื้นที่จัดเก็บข้อมูล(Storage) การวางระบบเครือข่าย(Networking) ฐานข้อมูล(Database) และแพลตฟอร์ม(Platform Service) ที่ตรงกับความต้องการขององค์กรเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับองค์กร
3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย 2 ฟีเจอร์ใหม่ใน Oracle 2nd Generation Cloud
IaaS ของ Oracle มีความสามารถในการปรับขนาดการใช้งานที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะต่อปริมาณการใช้งาน สามารถเข้าถึงหน่วยความจำโดยตรงจากระยะไกล (Remote Direct Memory Access: RDMA) จึงการันตีได้ว่า Oracle 2nd Generation Cloud สามารถคาดการณ์ปริมาณการใช้งาน และสามารถแยกข้อมูลได้อย่างแม่นยำ
ทำให้ Oracle เป็นผู้ให้บริการด้านระบบคลาวด์ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตฟีเจอร์สำคัญ
2 ประการ คือ
- Autonomous Operation: เป็นฟีเจอร์อัตโนมัติที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดภาระในการดูแลรักษาระบบที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ Oracle Cloud ทำให้ช่วยลดเวลาแฝง (Low Latency) ระบบมีความสเถียร เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลผ่าน Machine Learning และส่งข้อมูลเชิงลึกไปวิเคราะห์ด้วย AI ทำให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลหลายแหล่งและรวบรวมข้อมูลสำคัญเข้าด้วยกันเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน นอกจากนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวยังสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลยังคงอยู่ในสภาวะที่ดี และผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงเวอร์ชันล่าสุดของข้อมูลได้ตลอดเวลาอีกด้วย
- Isolation: เป็นอีกหนึ่งระบบพื้นฐานสำคัญของ Oracle Cloud ทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลแบบแยกส่วน Cloud Control Computers ออกจากระบบอื่น ทำให้แต่ละ Compute Node ต้องไปวิ่งผ่าน Perimeter Control Computer ของตัวเอง กลายเป็น Private Network กล่าวคือระบบสามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลในส่วนต่าง ๆ จากการโจมตีทางไซเบอร์ผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งได้ จึงทำให้ระบบ
มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
4. การป้องกันเชิงลึก (In-Depth Defense)
การรักษาความปลอดภัยเป็นระบบหลักที่ Oracle ให้ความสำคัญในการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของ Oracle Cloud รุ่นที่ 2 นี้ โดย Oracle เน้นการออกแบบระบบการป้องกันที่ปลอดภัย เช่น ระบบการแยกข้อมูลลูกค้า(Customer Isolation) การรักษาความปลอดภัยข้อมูล(Data security) การตรวจจับภัยคุกคามภายใน และการแก้ไขภัยคุกคามแบบอัตโนมัติ Oracle Cloud Infrastructure ยังสามารถจำกัดระดับชั้นการโจมตีผ่านการแยกข้อมูลลูกค้าแบบละเอียด มีการป้องกันหลายชั้นด้วยไฟร์วอลล์ในตัว, DDoS และการตรวจจับการเข้ารหัส ทำให้ลูกค้าสามารถสร้างการตรวจสอบสิทธิ์เพื่อเพิ่มการตรวจสอบเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติเมื่อมีกิจกรรมที่บ่งชี้ถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของผู้ใช้งาน ประการสุดท้าย Oracle เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์บริการด้านความปลอดภัยที่มีประสบการณ์ และความชำนาญครอบคลุมโซลูชั่นทั้ง on-premises และ on-cloud
5. เพิ่ม Performance ให้เหมาะสมกับ Oracle workloads
Oracle Cloud Infrastructure มีฟีเจอร์และเครื่องมือเฉพาะหลายอย่างที่สนับสนุนการ Migrate และ run Oracle Database รวมถึง Business Applications Portfolio ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในการย้ายแอปพลิเคชันของ Oracle เท่านั้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการย้ายข้อมูลไปยังระบบ Oracle Cloud โดยทาง Oracle เน้นให้ความสำคัญกับการอัปเดตฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้โครงสร้างพื้นฐานของ Oracle Cloud ยังมี
ชุดเครื่องมือการ migration, provisioning และ management สำหรับแอปพลิเคชันหลักของ Oracle รวมถึง Oracle E-Business Suite และ Oracle’s PeopleSoft, Siebel และ JD Edwards ตลอดจนการปรับแต่ง และจัดการฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนไปใช้ Cloud ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
Oracle Cloud Infrastructure ยังเป็นรากฐานสำหรับบริการระดับแนวหน้าใหม่ๆ รวมถึง Integration, Containers, Microservice และ Blockchain และยังสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับการปรับใช้ IoT ได้อีกด้วย
6. Oracle Cloud สนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชั่น
Oracle นำเสนอแพลตฟอร์มการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบเปิด และผสานการทำงานของแอปพลิเคชั่นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยให้คุณสร้าง ปรับใช้ และจัดการแอปพลิเคชัน API และ MobileFirst Cloud Application ที่ทันสมัยได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ Oracle ยังให้การสนับสนุนสำหรับ Containers และการพัฒนาโค้ดแบบ Cloud-native low-code
แพลตฟอร์ม AppDev ของ Oracle มอบสภาพแวดล้อมแบบ DevOps ที่ครอบคลุมสำหรับการผสานรวมแบบต่อเนื่อง (CI)/การส่งมอบแบบต่อเนื่อง (CD) การวินิจฉัยเชิงลึกสำหรับแอปพลิเคชัน Java และการผสานรวมที่คล่องตัวกับ SaaS และซอฟต์แวร์ภายในองค์กร
7. มีความคุ้มค่าด้านราคา และประสิทธิภาพสูงสุด
Oracle Cloud Infrastructure ให้ความคุ้มค่าด้านราคา และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในตลาดจนถึงปัจจุบัน เนื่องจาก ปริมาณงานที่ปรับใช้บน Oracle Cloud Infrastructure ใช้บล็อกเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลและปริมาณพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยลง ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการส่งมอบประสิทธิภาพปริมาณงานที่เหมาะสมที่สุด
สถาปัตยกรรมของสร้างพื้นฐานที่ไม่ปิดกั้น(no-Blocking) ของ Oracle Cloud ไม่เพียงแต่ช่วยลดเวลาแฝงเท่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของผู้ใช้เครือข่ายรายอื่นที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของลูกค้า
8. Oracle Cloud มีประสิทธิภาพเหนือกว่า AWS
Oracle Cloud มอบประสิทธิภาพสูงสุดด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรัน Oracle Databaseซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลพื้นฐานที่ได้รับความนิยมสำหรับหลาย ๆ แอปพลิเคชันในระดับองค์กร ในขณะที่ AWS ไม่สามารถทำOracle RAC, Oracle Autonomous Data Warehouse หรือOracle Autonomous Transaction Processing ได้ นอกจากนี้ Amazon Aurora ยังล็อคลูกค้าไว้เพียงแค่ใน AWS ในขณะที่ Oracle Database มอบความยืดหยุ่นให้กับผู้จัดจำหน่ายหลายรายในการเข้าถึงข้อมูลที่มากกว่า
9. Oracle Cloud รองรับการเติบโตของ SMB
Oracle Cloud ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงองค์กรทุกขนาด รวมถึง ธุรกิจSMB
เพราะ ธุรกิจSMB มักจะมีการขยายตัวของธุรกิจที่รวดเร็ว จึงต้องปรับเปลี่ยนขนาดการใช้งานแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับองค์กร ซึ่ง Oracle Cloud ก็รองรับการวางแผนพัฒนาระบบเพื่อการเติบโตของ SMB ที่อย่างมั่นคงด้วยเครื่องมือทั้งแบบดั้งเดิมและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและปริมาณงานให้สอดคล้องกับการดำเนินการของธุรกิจองค์กร
10. การบูรณาการเชิงกลยุทธ์กับผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกอย่าง Microsoft และ VMware
เมื่อเร็วๆ นี้ Oracle ได้ทำข้อตกลงเชิงกลยุทธ์กับ Microsoft และ VMware เพื่อให้องค์กรสามารถเร่งกลยุทธ์การย้ายระบบคลาวด์ได้
- Microsoft Azure Interconnect
ความร่วมมือด้านการทำงานร่วมกันบนคลาวด์กับ Microsoft Azure ช่วยให้ลูกค้าสามารถโยกย้ายไปยังคลาวด์หรือสร้างแอปพลิเคชันใหม่โดยใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ดีที่สุดของ Oracle Cloud รวมถึง Oracle Autonomous Database และ Microsoft Azure พร้อมความสามารถในการทำงานร่วมกันที่ราบรื่น รวมถึง
-
- การเชื่อมต่อข้ามระบบคลาวด์โดยเฉพาะ
- การจัดการเอกลักษณ์แบบบูรณาการ
- รูปแบบการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน
- Oracle Cloud VMware Solutions เป็นข้อเสนอPublic-Cloud หนึ่งเดียวที่มอบประสบการณ์ VMware แบบเดียวกับ on-primes ด้วยการเข้าถึง root เต็มรูปแบบ การควบคุมการดูแลระบบเต็มรูปแบบ และความสามารถเต็มรูปแบบของฟีเจอร์ VMware แต่ยังมาพร้อมกับความยืดหยุ่นของระบบคลาวด์ ความปลอดภัย การเชื่อมต่อกับบริการคลาวด์ของ Oracle มากกว่า 50 บริการ การสนับสนุนการทำงานร่วมกัน และประสบการณ์คอนโซลที่รวมเป็นหนึ่งเดียว องค์กรต่างๆ สามารถรักษาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่พวกเขาไว้วางใจได้โดยไม่จำเป็นต้องวางโครงสร้างโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันใหม่ ดำเนินการปรับปรุงเครื่องมือ หรือฝึกอบรมพนักงานใหม่ ช่วยให้สามารถขยาย โยกย้าย และปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดของแอปพลิเคชันที่ใช้ vSphere ได้อย่างราบรื่นทั่วทั้งภูมิภาค Oracle Cloud Infrastructure Commercial ทั่วโลก
บริษัท เอ-โฮสต์ จำกัด ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ชั้นนำอย่าง Oracle โดยเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหลัก “Oracle Value Added Distributor” รายแรกของประเทศไทย และเป็นผู้ให้บริการระบบสารสนเทศชั้นนำ ด้วยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำโครงการสำคัญ ๆ มากมาย ให้กับทั้งภาครัฐ และเอกชน
เอ-โฮสต์ ยังเป็นผู้ให้บริการออกแบบโซลูชั่นที่เหมาะสม สำหรับองค์กรที่กำลังมองหาโซลูชั่นในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วย Digital Transformation อย่างยั่งยืน
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอ-โฮสต์ (A-HOST) ได้ที่ www.a-host.co.th
Reference: https://www.oracle.com/a/ocom/docs/oracle-cloud-infrastructure-ten-reasons.pdf